>>>>>>>เมื่อใจมันเซ เขาแหลมหญ้าคือจุดหมาย<<<<<<<<<<
อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเลย 3 ชั่วโมงนิดๆ เราก็ได้มาสัมผัสสถานที่สุดชิค สุดชิล สุดเงียบ สุดเหงากันแล้ว
บ่อยครั้งเวลาที่เราไปทะเลมักจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า "ทะเลเหงา หรือเรากันแน่ที่เหงา.." ไปหาคำตอบพร้อมๆกัน...
ทริปนี้ถือเป็นทริปเกือบกะทันหัน เพราะเราคุยกันไว้ก่อนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ไม่กี่วัน แล้วด้วยความที่เราไม่ได้คิดว่าจะไปที่ไหนนอกเหนือจากเขาแหลมหญ้ามันเลยไม่หน้ามีอะไรต้องซับซ้อนวุ่นวายเรื่องข้อมูล อ่าาาปล่อยชิวไปก่อน~~~
แต่ แต่ แต่!! นี่ก้ดึกแล้วพรุ่งนี้เช้าต้องออกเดินทางแล้วยังไม่มีนางไหนมาคุยกันเรื่องทริป เรานี่เริ่มนอยๆ จะไปกันไหมหว่ะ!!
สุดท้ายกลายเป็นทริปกะทันหันจนได้ เพราะเพิ่งมาคุยและวางงบกันแบบจริงจังบนรถตู้ 5555
01 เรานัดกัน 9 โมงถึงอนุสาวรีย์ แต่วันจริงเราดันตื่นสายสุด ตื่นมา 8 โมงตรงเป๊ะๆ 9 โมงเลยเพิ่งออกจากบ้าน..
เราเลือกวินรถตู้ของ BH ระยอง-บ้านเพ อยู่ติดกับเซ็นจูรี่เลย ขับไม่เร็ว ปลอดภัย สบายใจ คนละ 200 บาทถ้วน ขาไปเราสามารถบอกพี่คนขับได้เลยว่าให้เข้าไปส่งที่เขาแหลมหญ้า ถ้าพี่คนขับบอกว่าไม่รู้จักเส้นทาง ให้บอกพี่เขาไปว่าวิ่งไปทางหาดแม่รำพึงวิ่งไปจนสุดหาดแล้วก็ขับขึ้นเขาไปตามทางเรื่อยๆก็จะเจอป้ายอุทยานอยู่ทางขวามือ
ส่วนขากลับเราก็โทรตามเบอร์นี้ให้เขาเข้ามารับเราได้เลย 086-159-3030
เครื่อง Take off เวลา 10.15 น. เรากำลังนำท่านสู่ท่าอากาศยานอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยองแล้วคะ
บ่ายกว่าๆเราก็มาถึงแล้ว !! "เขาแหลมหญ้า" เฮ่ๆ
02 กล่าวคำขอบคุณ พร้อมโบกมือลาพี่รถตู้ เมื่อเราถึงแล้วเราต้องมาติดต่อเรื่องการเช่าเต้นท์ กางเต้นท์ ตรงส่วนของที่ทำการอุทยานก่อนนะคะ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลารีบเข้าไปจัดการกันเลย...
"ไม่มีเจ้าหน้าที่ให้กางเต้นท์ ไม่มีเต้นท์ให้เช่าช่วงเทศกาล" เจ้าหน้าที่ผู้หญิงพูดจาแบบหน้าเหวี่ยงๆใส่มา เห้ยยยยเราก็มาหลังเทศกาลแล้วนี่หน่า
หรือ 16 เมษามันยังอยู่ในช่วงเทศกาลหรอ....
เอายังไง ไปทางไหน ทำอะไรต่อดี แผนสำรองอะไรก้ไม่ได้คิดมาเผื่อทั้งนั้น!! ฮือออออออ
"เดียวเอาของพี่ก็ได้คะ" โอ้ววพระเจ้า นี่มันเสียงนางฟ้ามาโปรดชัดๆ พี่ผญที่มาคนเดียวแต่บังเอิญพกมา 2 เต้นท์ น่ารักใจดีมีเมตากรุณาเอามาให้เรายืม
โอ้ยย รอดตายแล้วพวกเรา!! จะรออะไรละครับคุณผู้ชม รีบจัดการค่ากางเต้นท์ รีบไปจากตรงนี้โดยด่วน จากตรงจุดที่ทำการอุทยานและจุดกางเต้นท์มันค่อนข้างไม่ได้ใกล้กันเลย พวกแบคแพคอย่างเราทำได้อย่างเดียวก็คือ "เดิน"
แต่พี่คนน่ารักจิตใจดีให้ยืมยังไม่พอ พี่เขายังแถม เรียกพวกเราให้ติดรถขึ้นไปบนจุดกางเต้นท์อี๊กกกกกก จะดีอะไรกับหนูขนาดนี้ค๊าาา
ในความโชคร้ายมันก็มีความโชคดีอยู่จริงๆ ในความไม่ดีกับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิด ก็มีสิ่งดีๆที่ไม่คิดว่าจะมีได้เหมือนกัน ขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่บันดาลให้เราเจอกัน จากประสบการณ์แบคแพคเที่ยวลุยๆของเราในหลายๆครั้ง มักเจอปัญหาอุปสรรคแบบที่ไม่คาดคิดจริงๆเกิดขึ้นเสมอ แต่ในทุกๆครั้งมันกลับเป็นตัวช่วยที่ทำให้เราได้เจอเรื่องราวดีๆไว้จดจำ แล้วมันก็ทำให้เรามีรอยยิ้มเสมอ ขอบคุณพี่ดาวตรงนี้ด้วยนะคะ น่ารักยังแถมใจดีช่วยเด็กจนๆอย่างพวกเราอีกกก
ถ้าไม่มีพี่ในวันนั้น พวกหนูก้จะไม่มีรุปสวยๆในวันนี้ แฮ่!
เฮ่ๆ พร้อมกันยังงงงงง ความชิค ความชิล กำลังจะบังเกิดดดดดด
เมื่อเรามาถึงจุดกางเต้นท์ เราก็รีบจัดแจงกางเต้นท์เก็บของรีบไปดื่มด่ำสัมผัสความชิลกัน เราเลือกที่ที่คิดว่าฮิปสเตอร์สุดๆ ปลีกวิเวกจากผู้คนสุดๆ วิวสวยสุดๆ เป็นส่วนตัวสุดๆ ไม่มีอะไรจะดีเท่าตรงนี้อีกแล้ว แต่พอตกกลางคืนเท่านั้นแหละรู้เรื่องเลย มืดตื๊ดตื๊อ 55555
แต่ไม่เป็นไร ได้บรรยากาศดี : )

แล้วนี่ก็คือหน้าตาที่นอนของเราในคืนนี้...
เต้นท์ขวามือนั่นคือเต้นท์ที่พี่เขาให้เรายืม ส่วนซ้ายมือนั่นคือบ้านหมาที่เพื่อนเราแบกไปเองเพื่อจะมาทำเป็นพร็อพถ่ายรูป แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นที่เก็บกระเป๋าแอนด์เอวี่ตริงจิงกาเบลชั้นเยี่ยมเลย 555555
แล้วนี่ก็คือจุดกางเต้นท์ที่เราโหวตกันแล้วว่ามันฮิปสเตอร์สุดดด
ก่อนที่เราจะไปลุย เรามาเติมพลังกันก่อน ข้าวมื้อเเรกของวัน จะบอกว่าที่นี่มีร้านขายข้าวและเครื่องดื่มแค่ร้านเดียวนะคะ คนส่วนใหญ่เขาจะเตรียมของกันมาทำอาหารกินเอง ตอนแรกดูป้ายราคาก็แอบตกใจราคาเหมือนกันนะ อาหารตามสั่งจานละ 50 60 แต่สิ่งที่ได้มาและรสชาติคุ้มมากคะ อร่อย ป้าใจดีด้วย ฝากท้องไว้ที่ป้าทุกมื้อเลย 55555
>>>>ทริปชิคๆ ชิลๆ ถ่ายแต่รูป เริ่มขึ้นแล้ว!
03 เรื่องตื่นเต้นทุกอย่างได้หยุดลงแล้ว ต่อจากนี้ไปจะมีแต่ความเงียบสงบทำงานแล้ว...
บอกเลยนี่แค่บันไดลงไปยังชายทะเล แค่ 2-3 ขั้น ก็ล่อกันไป 40 กว่ารูปแล้วจร้าาาาา
เรามาเผื่อสิ่งนี้สิ่งเดียวจริงๆ

เพราะเรื่องรูปเป็นสิ่งสำคัญในการเที่ยว เราจึงต้องทุ่มเทและจริงจัง ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากแบบไม่ต้องบอก ทั้งตากล้อง คนช่วยสร้างฟิลเตอร์ คนบอกมุมและท่าโพส ทุกคนทำงานกันเป็นทีมได้ดีมาก 55555
เราเดินเรื่อยๆ ลัดเลาะมาตามโขดหิน มีเพียงแค่เราและธรรมชาติ มาช่วงที่คนเขากลับกันไปทำงานหมดแล้ว มันดีอย่างนี้นี่เองงงงง
ถ่ายรูปได้เต็มที่ทุก 2 ก้าว
เรายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ เดินไปแบบไม่รู้จุดหมายว่าสะพานไม้สลับกับโขดหินนี้มันจะพาเราไปไหน ไปเจอกับอะไร เราก็ได้แต่สัมผัสกับสิ่งที่อยู่ระหว่างทาง
บางทีการเที่ยวแบบที่ไม่ได้คาดหวังอะไรนี่มันดีนะ มันทำให้ใจเราพบกับอิสระ ที่ไม่ต้องคิดถึงอะไร นอกจากความสนุกและความสุขที่มันอยู่ตรงหน้า...
04 เดินบ้าง พักบ้าง เอนกายนอนลงบนโขดหินแล้วหลับตา สายลมพี่พัดผ่าน เสียงคลื่นที่ซัดสาด
ถึงเวลาแล้วที่เราจะใช้ใจสัมผัสมันบ้าง...
มันโอเคมากเลยนะแกร ไม่คิดว่าจะโอเคได้มากขนาดนี้ สมองมันนิ่งสงบแบบไม่คิดอะไรเลยโดยอัตโนมัติ มันเป็นอะไรที่เราเรียกได้ว่ามาพักผ่อนจริงๆ
ที่นี่ถึงจะไม่ค่อยมีกิจกรรมให้เราทำมาก แค่เดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตกกลางคืนปิ้งย่าง นั่งคุย แต่มันกลับไม่ได้รู้สึกน่าเบื่อเลยแม้สักนิด หัวใจมันพองโตมากกว่าเคยอีก บางทีร่างกายเจออะไรที่เหนื่อยๆหนักๆมา พอได้เจออะไรแบบนี้มัน feel good มากเลยทีเดียว...
นอนพักฟังเสียงคลื่น ใช้ใจแทนสายตา ในภาวะเงียบงันนิ่งสงบอยู่แบบนี้ จู่ๆความเหงาก็ดันทำงานซะอย่างงั้น..
"แกว่า..บรรยากาศทะเลมันทำให้ใจเราเหงา หรือใจเราเองกันแน่ที่มันเหงาโดยไม่เกี่ยวกับทะเล"
...................................
เราไปเหงาต่อกันมุมอื่นดีกว่า

คนมันจะเหงา มองอะไรก้เหงาไปหมดแหละเนอะ
05 นี่เราก็เดินมาไกลพอสมควรแล้วนะ เราคิดว่าจุดหมายของเราน่าจะอยู่อีกไม่ไกลละ เราเดินจากจุดแรกคือทางลัดเลาะโขดหิน จนตอนนี้เราขึ้นมาถึงบนยอดเขาแล้ว นี่สินะ "เขาแหลมหญ้า" จริงๆ
ความรู้สึกเราตอนนี้เหมือนถูกเซอร์ไพร้ส์ สิ่งที่เราเห็นตรงหน้าคือมันดีจริงๆ มองวิวได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว มองไปไกลสุดตา ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ท้องทะเลที่กว้างไกล
ด้วยความที่เราถ่ายรูปกันหนักหน่วงมาถึงตรงนี้แบตกล้องก็หมดพอดี เหลือแต่กล้องมือถือละ

ถ้าใครมากับแฟนนะบอกเลยว่าโคตรโรแมนติก แต่ถ้าใครมากับเพื่อนนะบอกเลยว่าโคตรมีคุณค่า แต่ถ้าใครมากับเหงานะบอกเลยว่าแม่..งงงโคตรเหงา
แล้วตอนนี้พระอาทิตย์ดวงกลมโต กำลังค่อยๆหล่นลงไปในทะเล ฮื้อออ ยอมใจเลยยยย

บะบ่าย คุณพระอาทิตย์ ไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้เช้านะคะ
>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<
06 6 นาฬิกา มองออกไปนอกเต้นท์ บรรยากาศมันปลุกให้เราตื่นจริงๆ ไม่รู้ว่าเพื่อนเราตื่นกันรึยัง แต่เราตื่นแล้วรีบลุกออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงสะพานที่ทอดลงไปในทะเล วันนี้เดอะแก้งค์เรานัดกันว่าจะเล่นน้ำทะเลก่อนกลับ ดูพระอาทิตย์เสร็จเราก้รีบมาล้างหน้าแปรงฟัน แต่งหน้า เปลี่ยนชุด แต่น้ำไม่อาบ!! 55555 พร้อมแล้วไปเถ่ายรูปกัน เอ๊ย ไปเล่นน้ำกันนนนน

จุดที่สามารถลงเล่นน้ำได้มีอยู่ 2 จุดนะคะ จุดแรกคือตรงบริเวณเต้นท์ที่เรานอน แต่ตรงนั้นมันจะเป็นหาดเล็กๆ เปลือกหอยค่อนข้างเยอะ อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังกันหน่อย กับอีกจุดนึงคือจุดที่เรากำลังจะไป เดินไปทางอีกฝั่งหนึ่งของจุดกางเต้นท์ของเรา ตรงนี้จะเป็นชายหาดค่อนข้างกว้างและยาวกว่าจุดแรก ตรงนี้หน้าจะเหมาะแก่การเล่นน้ำมากกว่าคะ

แต่พอไปถึงจริงๆ ไม่มีใครเล่นกันเลยสักคน 5555 ถ่ายแต่รูปกันอย่างเดียว เช้าๆแบบนี้ไม่มีคนเลยคะ ที่ตรงนี้เป็นของเรา

เอาขาจุ่มๆน้ำ ให้พอรู้สึกว่าฉันมาสัมผัสน้ำทะเลแล้วนะ!
จริงๆเวลาเรามีเยอะ แต่สู้กับเสียงร้องของท้องไม่ไหว รีบขึ้นไปหาข้าวกินก่อนดีกว่า 5555
กินข้าวเสร็จ เราก็รีบไปเก็บเต้นท์คืนพี่ดาว เพราะด้วยความเกรงใจและไม่รู้ว่าพี่เขาจะกลับตอนไหนคืนก่อนมันก็ดีกว่า
หลังจากเราเก็บเต้นท์เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯกัน อยู่นี่ดีนะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จมาแต่งหน้าข้างนอก กระจกบานใหญ่ ลมพัดโชยๆ บรรยากาศในการแต่งหน้าดี๊ดี ฮี่ๆ
[CR] เมื่อใจมันเซ...ทะเลคือจุดหมาย>>เอาความเหงาไปทิ้งที่เขาแหลมหญ้า<<
อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเลย 3 ชั่วโมงนิดๆ เราก็ได้มาสัมผัสสถานที่สุดชิค สุดชิล สุดเงียบ สุดเหงากันแล้ว
บ่อยครั้งเวลาที่เราไปทะเลมักจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า "ทะเลเหงา หรือเรากันแน่ที่เหงา.." ไปหาคำตอบพร้อมๆกัน...
ทริปนี้ถือเป็นทริปเกือบกะทันหัน เพราะเราคุยกันไว้ก่อนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ไม่กี่วัน แล้วด้วยความที่เราไม่ได้คิดว่าจะไปที่ไหนนอกเหนือจากเขาแหลมหญ้ามันเลยไม่หน้ามีอะไรต้องซับซ้อนวุ่นวายเรื่องข้อมูล อ่าาาปล่อยชิวไปก่อน~~~
แต่ แต่ แต่!! นี่ก้ดึกแล้วพรุ่งนี้เช้าต้องออกเดินทางแล้วยังไม่มีนางไหนมาคุยกันเรื่องทริป เรานี่เริ่มนอยๆ จะไปกันไหมหว่ะ!!
สุดท้ายกลายเป็นทริปกะทันหันจนได้ เพราะเพิ่งมาคุยและวางงบกันแบบจริงจังบนรถตู้ 5555
01 เรานัดกัน 9 โมงถึงอนุสาวรีย์ แต่วันจริงเราดันตื่นสายสุด ตื่นมา 8 โมงตรงเป๊ะๆ 9 โมงเลยเพิ่งออกจากบ้าน..
เราเลือกวินรถตู้ของ BH ระยอง-บ้านเพ อยู่ติดกับเซ็นจูรี่เลย ขับไม่เร็ว ปลอดภัย สบายใจ คนละ 200 บาทถ้วน ขาไปเราสามารถบอกพี่คนขับได้เลยว่าให้เข้าไปส่งที่เขาแหลมหญ้า ถ้าพี่คนขับบอกว่าไม่รู้จักเส้นทาง ให้บอกพี่เขาไปว่าวิ่งไปทางหาดแม่รำพึงวิ่งไปจนสุดหาดแล้วก็ขับขึ้นเขาไปตามทางเรื่อยๆก็จะเจอป้ายอุทยานอยู่ทางขวามือ
ส่วนขากลับเราก็โทรตามเบอร์นี้ให้เขาเข้ามารับเราได้เลย 086-159-3030
เครื่อง Take off เวลา 10.15 น. เรากำลังนำท่านสู่ท่าอากาศยานอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยองแล้วคะ
บ่ายกว่าๆเราก็มาถึงแล้ว !! "เขาแหลมหญ้า" เฮ่ๆ
02 กล่าวคำขอบคุณ พร้อมโบกมือลาพี่รถตู้ เมื่อเราถึงแล้วเราต้องมาติดต่อเรื่องการเช่าเต้นท์ กางเต้นท์ ตรงส่วนของที่ทำการอุทยานก่อนนะคะ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลารีบเข้าไปจัดการกันเลย...
"ไม่มีเจ้าหน้าที่ให้กางเต้นท์ ไม่มีเต้นท์ให้เช่าช่วงเทศกาล" เจ้าหน้าที่ผู้หญิงพูดจาแบบหน้าเหวี่ยงๆใส่มา เห้ยยยยเราก็มาหลังเทศกาลแล้วนี่หน่า
หรือ 16 เมษามันยังอยู่ในช่วงเทศกาลหรอ....
เอายังไง ไปทางไหน ทำอะไรต่อดี แผนสำรองอะไรก้ไม่ได้คิดมาเผื่อทั้งนั้น!! ฮือออออออ
"เดียวเอาของพี่ก็ได้คะ" โอ้ววพระเจ้า นี่มันเสียงนางฟ้ามาโปรดชัดๆ พี่ผญที่มาคนเดียวแต่บังเอิญพกมา 2 เต้นท์ น่ารักใจดีมีเมตากรุณาเอามาให้เรายืม
โอ้ยย รอดตายแล้วพวกเรา!! จะรออะไรละครับคุณผู้ชม รีบจัดการค่ากางเต้นท์ รีบไปจากตรงนี้โดยด่วน จากตรงจุดที่ทำการอุทยานและจุดกางเต้นท์มันค่อนข้างไม่ได้ใกล้กันเลย พวกแบคแพคอย่างเราทำได้อย่างเดียวก็คือ "เดิน"
แต่พี่คนน่ารักจิตใจดีให้ยืมยังไม่พอ พี่เขายังแถม เรียกพวกเราให้ติดรถขึ้นไปบนจุดกางเต้นท์อี๊กกกกกก จะดีอะไรกับหนูขนาดนี้ค๊าาา
ในความโชคร้ายมันก็มีความโชคดีอยู่จริงๆ ในความไม่ดีกับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิด ก็มีสิ่งดีๆที่ไม่คิดว่าจะมีได้เหมือนกัน ขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่บันดาลให้เราเจอกัน จากประสบการณ์แบคแพคเที่ยวลุยๆของเราในหลายๆครั้ง มักเจอปัญหาอุปสรรคแบบที่ไม่คาดคิดจริงๆเกิดขึ้นเสมอ แต่ในทุกๆครั้งมันกลับเป็นตัวช่วยที่ทำให้เราได้เจอเรื่องราวดีๆไว้จดจำ แล้วมันก็ทำให้เรามีรอยยิ้มเสมอ ขอบคุณพี่ดาวตรงนี้ด้วยนะคะ น่ารักยังแถมใจดีช่วยเด็กจนๆอย่างพวกเราอีกกก
ถ้าไม่มีพี่ในวันนั้น พวกหนูก้จะไม่มีรุปสวยๆในวันนี้ แฮ่!
เฮ่ๆ พร้อมกันยังงงงงง ความชิค ความชิล กำลังจะบังเกิดดดดดด
เมื่อเรามาถึงจุดกางเต้นท์ เราก็รีบจัดแจงกางเต้นท์เก็บของรีบไปดื่มด่ำสัมผัสความชิลกัน เราเลือกที่ที่คิดว่าฮิปสเตอร์สุดๆ ปลีกวิเวกจากผู้คนสุดๆ วิวสวยสุดๆ เป็นส่วนตัวสุดๆ ไม่มีอะไรจะดีเท่าตรงนี้อีกแล้ว แต่พอตกกลางคืนเท่านั้นแหละรู้เรื่องเลย มืดตื๊ดตื๊อ 55555
แต่ไม่เป็นไร ได้บรรยากาศดี : )
แล้วนี่ก็คือหน้าตาที่นอนของเราในคืนนี้...
เต้นท์ขวามือนั่นคือเต้นท์ที่พี่เขาให้เรายืม ส่วนซ้ายมือนั่นคือบ้านหมาที่เพื่อนเราแบกไปเองเพื่อจะมาทำเป็นพร็อพถ่ายรูป แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นที่เก็บกระเป๋าแอนด์เอวี่ตริงจิงกาเบลชั้นเยี่ยมเลย 555555
แล้วนี่ก็คือจุดกางเต้นท์ที่เราโหวตกันแล้วว่ามันฮิปสเตอร์สุดดด
ก่อนที่เราจะไปลุย เรามาเติมพลังกันก่อน ข้าวมื้อเเรกของวัน จะบอกว่าที่นี่มีร้านขายข้าวและเครื่องดื่มแค่ร้านเดียวนะคะ คนส่วนใหญ่เขาจะเตรียมของกันมาทำอาหารกินเอง ตอนแรกดูป้ายราคาก็แอบตกใจราคาเหมือนกันนะ อาหารตามสั่งจานละ 50 60 แต่สิ่งที่ได้มาและรสชาติคุ้มมากคะ อร่อย ป้าใจดีด้วย ฝากท้องไว้ที่ป้าทุกมื้อเลย 55555
>>>>ทริปชิคๆ ชิลๆ ถ่ายแต่รูป เริ่มขึ้นแล้ว!
03 เรื่องตื่นเต้นทุกอย่างได้หยุดลงแล้ว ต่อจากนี้ไปจะมีแต่ความเงียบสงบทำงานแล้ว...
บอกเลยนี่แค่บันไดลงไปยังชายทะเล แค่ 2-3 ขั้น ก็ล่อกันไป 40 กว่ารูปแล้วจร้าาาาา
เรามาเผื่อสิ่งนี้สิ่งเดียวจริงๆ
เพราะเรื่องรูปเป็นสิ่งสำคัญในการเที่ยว เราจึงต้องทุ่มเทและจริงจัง ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากแบบไม่ต้องบอก ทั้งตากล้อง คนช่วยสร้างฟิลเตอร์ คนบอกมุมและท่าโพส ทุกคนทำงานกันเป็นทีมได้ดีมาก 55555
เราเดินเรื่อยๆ ลัดเลาะมาตามโขดหิน มีเพียงแค่เราและธรรมชาติ มาช่วงที่คนเขากลับกันไปทำงานหมดแล้ว มันดีอย่างนี้นี่เองงงงง
ถ่ายรูปได้เต็มที่ทุก 2 ก้าว
เรายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ เดินไปแบบไม่รู้จุดหมายว่าสะพานไม้สลับกับโขดหินนี้มันจะพาเราไปไหน ไปเจอกับอะไร เราก็ได้แต่สัมผัสกับสิ่งที่อยู่ระหว่างทาง
บางทีการเที่ยวแบบที่ไม่ได้คาดหวังอะไรนี่มันดีนะ มันทำให้ใจเราพบกับอิสระ ที่ไม่ต้องคิดถึงอะไร นอกจากความสนุกและความสุขที่มันอยู่ตรงหน้า...
04 เดินบ้าง พักบ้าง เอนกายนอนลงบนโขดหินแล้วหลับตา สายลมพี่พัดผ่าน เสียงคลื่นที่ซัดสาด
ถึงเวลาแล้วที่เราจะใช้ใจสัมผัสมันบ้าง...
มันโอเคมากเลยนะแกร ไม่คิดว่าจะโอเคได้มากขนาดนี้ สมองมันนิ่งสงบแบบไม่คิดอะไรเลยโดยอัตโนมัติ มันเป็นอะไรที่เราเรียกได้ว่ามาพักผ่อนจริงๆ
ที่นี่ถึงจะไม่ค่อยมีกิจกรรมให้เราทำมาก แค่เดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตกกลางคืนปิ้งย่าง นั่งคุย แต่มันกลับไม่ได้รู้สึกน่าเบื่อเลยแม้สักนิด หัวใจมันพองโตมากกว่าเคยอีก บางทีร่างกายเจออะไรที่เหนื่อยๆหนักๆมา พอได้เจออะไรแบบนี้มัน feel good มากเลยทีเดียว...
นอนพักฟังเสียงคลื่น ใช้ใจแทนสายตา ในภาวะเงียบงันนิ่งสงบอยู่แบบนี้ จู่ๆความเหงาก็ดันทำงานซะอย่างงั้น..
"แกว่า..บรรยากาศทะเลมันทำให้ใจเราเหงา หรือใจเราเองกันแน่ที่มันเหงาโดยไม่เกี่ยวกับทะเล"
เราไปเหงาต่อกันมุมอื่นดีกว่า
คนมันจะเหงา มองอะไรก้เหงาไปหมดแหละเนอะ
05 นี่เราก็เดินมาไกลพอสมควรแล้วนะ เราคิดว่าจุดหมายของเราน่าจะอยู่อีกไม่ไกลละ เราเดินจากจุดแรกคือทางลัดเลาะโขดหิน จนตอนนี้เราขึ้นมาถึงบนยอดเขาแล้ว นี่สินะ "เขาแหลมหญ้า" จริงๆ
ความรู้สึกเราตอนนี้เหมือนถูกเซอร์ไพร้ส์ สิ่งที่เราเห็นตรงหน้าคือมันดีจริงๆ มองวิวได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว มองไปไกลสุดตา ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ท้องทะเลที่กว้างไกล
ด้วยความที่เราถ่ายรูปกันหนักหน่วงมาถึงตรงนี้แบตกล้องก็หมดพอดี เหลือแต่กล้องมือถือละ
ถ้าใครมากับแฟนนะบอกเลยว่าโคตรโรแมนติก แต่ถ้าใครมากับเพื่อนนะบอกเลยว่าโคตรมีคุณค่า แต่ถ้าใครมากับเหงานะบอกเลยว่าแม่..งงงโคตรเหงา
แล้วตอนนี้พระอาทิตย์ดวงกลมโต กำลังค่อยๆหล่นลงไปในทะเล ฮื้อออ ยอมใจเลยยยย
บะบ่าย คุณพระอาทิตย์ ไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้เช้านะคะ
06 6 นาฬิกา มองออกไปนอกเต้นท์ บรรยากาศมันปลุกให้เราตื่นจริงๆ ไม่รู้ว่าเพื่อนเราตื่นกันรึยัง แต่เราตื่นแล้วรีบลุกออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงสะพานที่ทอดลงไปในทะเล วันนี้เดอะแก้งค์เรานัดกันว่าจะเล่นน้ำทะเลก่อนกลับ ดูพระอาทิตย์เสร็จเราก้รีบมาล้างหน้าแปรงฟัน แต่งหน้า เปลี่ยนชุด แต่น้ำไม่อาบ!! 55555 พร้อมแล้วไปเถ่ายรูปกัน เอ๊ย ไปเล่นน้ำกันนนนน
จุดที่สามารถลงเล่นน้ำได้มีอยู่ 2 จุดนะคะ จุดแรกคือตรงบริเวณเต้นท์ที่เรานอน แต่ตรงนั้นมันจะเป็นหาดเล็กๆ เปลือกหอยค่อนข้างเยอะ อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังกันหน่อย กับอีกจุดนึงคือจุดที่เรากำลังจะไป เดินไปทางอีกฝั่งหนึ่งของจุดกางเต้นท์ของเรา ตรงนี้จะเป็นชายหาดค่อนข้างกว้างและยาวกว่าจุดแรก ตรงนี้หน้าจะเหมาะแก่การเล่นน้ำมากกว่าคะ
แต่พอไปถึงจริงๆ ไม่มีใครเล่นกันเลยสักคน 5555 ถ่ายแต่รูปกันอย่างเดียว เช้าๆแบบนี้ไม่มีคนเลยคะ ที่ตรงนี้เป็นของเรา
เอาขาจุ่มๆน้ำ ให้พอรู้สึกว่าฉันมาสัมผัสน้ำทะเลแล้วนะ!
จริงๆเวลาเรามีเยอะ แต่สู้กับเสียงร้องของท้องไม่ไหว รีบขึ้นไปหาข้าวกินก่อนดีกว่า 5555
กินข้าวเสร็จ เราก็รีบไปเก็บเต้นท์คืนพี่ดาว เพราะด้วยความเกรงใจและไม่รู้ว่าพี่เขาจะกลับตอนไหนคืนก่อนมันก็ดีกว่า
หลังจากเราเก็บเต้นท์เคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯกัน อยู่นี่ดีนะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จมาแต่งหน้าข้างนอก กระจกบานใหญ่ ลมพัดโชยๆ บรรยากาศในการแต่งหน้าดี๊ดี ฮี่ๆ